คนมีรายได้ทุกคน ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีในช่วงต้นปี หากใครที่มีรายได้สูงก็ยิ่งต้องเสียภาษีสูงตามไปด้วย การหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปีแบบนี้ ประกันสะสมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เหมาะสมในการช่วยลดหย่อนภาษี
ข้อดีของประกันสะสมทรัพย์คืออะไร แต่ละคนก็มองข้อดีของประกันสะสมทรัพย์แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความต้องการของคนนั้นๆ แต่ข้อดีหลักๆ ของประกันสะสมทรัพย์มีดังนี้
- สร้างวินัยการออม* มีเงินก้อนไว้ต่อยอดในอนาคต การทำประกันสะสมทรัพย์ เพื่อสร้างวินัยในการออม*เป็นวิธีที่ดีในการสร้างเสริมความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ประกันสะสมทรัพย์ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีการออม*ที่มีวินัย แต่ยังมอบความคุ้มครองทางการเงิน ความคุ้มครองชีวิต และสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนภาษีได้
- ความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ข้อนี้นับเป็นจุดเด่นของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์โดยบางแบบประกันจะได้รับเงินคืนระหว่างสัญญา โดยจะได้เป็นรายปีไปเรื่อย ๆ และเมื่อครบกำหนดสัญญาจะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาอีกด้วย
- ได้รับความคุ้มครองชีวิต ไม่เป็นภาระคนข้างหลัง นอกจากประกันสะสมทรัพย์ จะมีเงินคืนระหว่างสัญญา และเงินครบกำหนดสัญญาแล้ว ยังมีความคุ้มครองชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกด้วย
- การบริหารจัดการที่สะดวก ประกันสะสมทรัพย์มีการบริหารจัดการโดยบริษัทประกันชีวิตที่มีความเชี่ยวชาญ ลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการการลงทุนของคุณ
นอกเหนือจาก 4 ข้อที่เราพูดมานี้ ข้อดีสำคัญอีกข้อสำหรับประกันสะสมทรัพย์คือ สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้ซึ่งหลักเกณฑ์ของประกันสะสมทรัพย์ที่สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้มีดังนี้
- ต้องเป็นประกันชีวิตที่ทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น
- ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- กรณีที่มีการจ่ายเงินคืนระหว่างสัญญา เงินที่ได้รับคืนต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันภัยรายปี
- กรณีที่มีการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา เช่น มีเงินคืนระหว่างสัญญาทุกๆ 2 ปี 3 ปี เป็นต้น เงินที่ได้รับคืนต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันภัยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
- หากมีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ และต้องจ่ายคืนภาษีย้อนหลังที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนไป พร้อมดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน ของยอดภาษีที่จ่าย
เลือกประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีอย่างไรให้เหมาะกับคุณ การเลือกประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมกับคุณต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้แน่ใจว่าแบบประกันที่เลือกนั้นตอบโจทย์ความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของคุณ
- การประเมินความต้องการ และเป้าหมายทางการเงิน พิจารณาเป้าหมายในอนาคต เช่น การเกษียณอายุ, การศึกษาของบุตร, หรือการสร้างกองทุนฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้กระทบกับเป้าหมายในอนาคตของคุณ
- คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย ภาษีที่เราต้องจ่ายนั้นจะขึ้นอยู่กับรายได้สุทธิของเราในแต่ละปีหลังหักค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด เราควรเลือกแบบประกันที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ครบตามสัดส่วนที่ต้องการและไม่ให้กระทบกับการดำเนินชีวิต สามารถคำนวณภาษีได้ง่าย ๆ ที่นี่ คลิก https://www.ocean.co.th/tax
- เลือกระยะเวลาความคุ้มครอง และระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย พิจารณาระยะเวลาความคุ้มครองของแบบประกันให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายชีวิตในระยะยาวของคุณ
- การจ่ายเบี้ยประกันภัย ไม่ใช่ว่าการจ่ายเบี้ยสูงๆ จะดีเสมอไป การซื้อประกันควรเลือกแบบที่จ่ายเบี้ยประกันได้เหมาะสมกับรายรับ และการใช้ชีวิตของแต่ละคน
- ศึกษาและเลือกความคุ้มครองที่ใช่ ประกันชีวิตแต่ละแบบมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไปซึ่งก็มีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน ควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบประกัน และศึกษาให้เข้าใจก่อนเพื่อซื้อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากมีความสงสัยหรือไม่เข้าใจในรายละเอียดต่างๆ ของแบบประกัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ของแบบประกันนั้นๆ เพื่อให้เลือกซื้อแบบประกันได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
และหากใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้อประกันอะไรที่ช่วยลดหย่อนภาษีช่วงสิ้นปีนี้ ต้องนี่เลย โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ รีเทิร์น 10/5 แบบประกันลดหย่อนภาษีที่ดีที่สุดจาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ยืนหนึ่ง เรื่องรับเงินคืนสูงตั้งแต่ปีแรก พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองชีวิต และผลตอบแทนที่สูงเพื่อไปลงทุนต่อ ไม่ต้องรอนาน
- กล้าให้คุณรับเงินคืนสูง ปีที่ 1 - 6 ปีละ 20%
- รับเต็ม ๆ ปีที่ 7 - 9 ปีละ 100%
- ปีสุดท้ายรับอีก 110%
- รวมผลประโยชน์ตลอดสัญญาสูงถึง 530%
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
ข้อควรทราบ :
* เป็นการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต
- % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไข และหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิตหรือเบี้ยประกันสุขภาพ (ถ้ามี) ไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันภัยให้กรมสรรพากร
- การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม
อ้างอิงข้อมูลจาก www.rd.go.th