เลี้ยงลูกอย่างไรให้สนุก และมีความสุข

ความสุข ถือเป็นตัวแปรหลักอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลูกเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ หากเลือกได้พ่อแม่ทุกคนคงอยากให้ลูกเติบโตมามีสุขภาพแข็งแรง ฉลาด เป็นคนดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การจะเลี้ยงลูกสักคนให้ดี และมีความสุขร่วมกันทั้งครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งอาจจะมีเหนื่อยบ้าง เครียดบ้าง แต่เราเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก เพียงแค่พ่อแม่เข้าใจธรรมชาติในตัวลูก เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูก เข้าใจในพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงอายุ และเลี้ยงดูให้เหมาะสมตามวัย ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง ดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตได้
 

วันนี้เรามี 5 เคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่สนุก และมีความสุขทั้งครอบครัว มาฝากกันครับ

  1. เปิดใจรับฟังสิ่งที่ลูกพูด
    สร้างบรรยากาศในครอบครัวให้ลูกรู้สึกว่า ลูกสามารถคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง การเป็นผู้ฟังที่ดี คือการเปิดใจรับฟังสิ่งที่ลูกต้องการสื่อสารอย่างตั้งใจ และเข้าใจ ไม่พูดแทรก หรือตัดสินลูกว่าถูกหรือผิด แต่ให้ตั้งคำถามกลับว่า “แล้วลูกคิดว่าจะทำยังไง” “ตอนนี้ลูกรู้สึกอย่างไร” และพ่อแม่สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้ ทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่สามารถไว้ใจที่จะพูดคุย และพร้อมจะอยู่ข้างๆ ลูกเสมอ นอกจากนี้การพูดคุยกันเป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างลูกกับพ่อแม่ด้วย
  2. ให้โอกาสลูกทำพลาดบ้าง
    พ่อแม่ควรเปิดให้โอกาสลูกได้ทำพลาดบ้าง เช่น กินข้าวหก ตกบันได จักรยานล้ม เพราะนักจิตวิทยาเผยว่า เด็กจะรู้สึกได้รับการสนับสนุนหากทำพลาดในครั้งแรก และมีแนวโน้มที่จะพยายามทำให้มันดีขึ้น ซึ่งหากเราปล่อยให้ลูกได้ทำอะไรใหม่ๆ ฝึกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แม้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่จะทำให้ลูกกล้าคิด กล้าลงมือทำ สามารถจัดการกับปัญหาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้ลูกสามารถพัฒนาความคิดนอกกรอบได้ รวมถึงพ่อแม่เองก็ตาม บางครั้งเราอยากเป็นแบบอย่างดีให้ลูก แต่การให้ลูกได้รับรู้ว่า พ่อแม่เองก็มีบางเรื่องที่ผิดพลาดได้เช่นกัน คนเราไม่ได้เจ๋งหรือดีกว่าคนอื่นไปซะทุกเรื่อง เพื่อทำให้ลูกสามารถยอมรับความผิดพลาดได้ และพร้อมเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
  3. ปลูกฝังให้ลูกรู้จักภูมิใจในตัวเอง และสอนให้ลูกมีความสุขง่ายๆ กับสิ่งรอบตัว
    การสอนให้ลูกรู้จักภูมิใจในตนเอง และมีความสุขง่ายๆ กับลิ่งรอบตัว จะทำให้ลูกมีทัศนคติที่ดี นับถือตนเอง มีความสุขง่ายขึ้น สามารถแก้ปัญหาเเละรับมือกับอุปสรรคต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตและนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตของลูก พ่อแม่ต้องให้ความรักความอบอุ่น ยอมรับในความคิดเห็นของลูก ฝึกให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเอง มอบหมายงานง่ายๆ และให้ลูกมีกิจกรรมสร้างสรรค์ เมื่อทำสำเร็จจะเกิดความมั่นใจและภูมิใจในตัวเอง นอกจากนั้นพ่อแม่ควรชื่นชมเมื่อลูกทำสิ่งดี ถ้าไม่ดีให้ชี้แนะ อย่าต่อว่าซ้ำๆ ด้วยคำพูดรุนแรง สอนให้ลูกรู้จักแก้ปัญหา ตัดสินใจ โดยที่พ่อแม่เข้าไปยุ่งให้น้อยที่สุด  เมื่อทำสำเร็จและได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ ลูกก็จะเกิดความรู้สึกพิเศษ พอใจ และมีคุณค่า
  4. ให้ลูกสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และคนรอบข้าง
    การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิต การสอนให้ลูกมีทักษะในการเข้าสังคม เช่น การมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และกล้าที่จะขอโทษเมื่อทำผิด  การฝึกฝนให้ลูกผูกมิตรกับคนรอบข้าง เปิดโอกาสให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนในสังคม ทั้งเพื่อน ๆ และคนรอบข้าง รวมถึงได้พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ที่ดี ซึ่งจะทำให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักระเบียบวินัย รู้จักการแบ่งปัน ควบคุมอารมณ์ได้ดี และมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต
  5. อย่าเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น
    การเปรียบเทียบมีอยู่ทั่วไปในสังคม รวมถึงในเกือบทุกครอบครัว ซึ่งหลายครั้งการเปรียบเทียบลูกตนเองกับคนอื่นล้วนเกิดจากความหวังดีของพ่อแม่ พ่อแม่บางคนอาจจะตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไป หรือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เช่น พ่อแม่เป็นหมอ ก็อยากให้ลูกเป็นหมอด้วย จนลืมนึกถึงความต้องการของลูก การเอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และพลังคำพูดเชิงลบของพ่อแม่เป็นสิ่งที่ทำร้ายใจของลูกเสมอ ควรหยุดเปรียบเทียบ และหันกลับมาให้ความสนใจ ใส่ใจ รับฟังว่าลูกต้องการอะไร เช่น เวลาปกติทั่วไปลูกชอบทำกิจกรรมประเภทไหน มีความถนัดอะไร อยากจะเรียนรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ มีความสุขและอยู่กับสิ่งใดได้นาน ๆ บ้าง แล้วพ่อแม่ก็ส่งเสริมไปด้านนั้นให้เต็มที่

การเลี้ยงลูกให้มีความสุข สนุกสนานในทุกๆ วัน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนพร้อมที่จะทำเพื่อลูกเสมอ เพราะการได้เห็นลูกเติบโตขึ้นทุกวันก็เป็นความสุขของคนเป็นพ่อแม่เช่นเดียวกัน

นอกจากการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นเด็กฉลาด เป็นคนดี มีความสุขแล้ว สุขภาพกายของลูกก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ถึงแม้พ่อแม่จะดูแลลูกดีแค่ไหน แต่โรคภัยไข้เจ็บก็เกิดขึ้นได้เสมอ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ การเตรียมพร้อมเรื่องค่ารักษาพยาบาลสำหรับลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ การทำประกันสุขภาพเป็นอีกทางเลือกที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ใช้เป็นตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของลูกน้อย

 

OCEAN LIFE ไทยสมุทร ขอแนะนำ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพสำหรับเด็ก หมดกังวลเรื่องค่ารักษาเมื่อลูกรักเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ 

คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในแบบเหมาจ่ายสูงสุด 2,000,000 บาทต่อรอบปีกรมธรรม์*

คุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน**

ไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลเครือข่าย

คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก เนื่องจากการบาดเจ็บหรือการป่วย สูงสุด 20,000 บาทต่อรอบปีกรมธรรม์***

รับสิทธิ์ใช้บริการ Best Doctors บริการความเห็นที่สองจากแพทย์ระดับโลก ฟรี
 

​สนใจแบบประกัน คลิก https://bit.ly/3dB60wb
สนใจบริการ Best Doctors คลิก https://bit.ly/32Ln5NX
หรือโทร. 0 2207 8888

#Oceanlifepage #รักคือพลังของชีวิต #ประกันสุขภาพเด็ก
 

ข้อควรทราบ:
*ผลประโยชน์สูงสุดสำหรับแผน 3
**ความคุ้มครองสำหรับแผน 3
***สำหรับแผน 3 ความคุ้มครองจากบันทึกสลักหลังขยายความคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพสำหรับเด็ก (Health Kids) คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก (OPD)
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรม์

OCEAN CLUB APP ใช้ชีวิตดี๊ดี กับ OCHI COIN

OCEAN CLUB APP #HEALTHIVERSE

ฟีเจอร์ล่าสุดให้คุณ TOP FORM ด้านสุขภาพ

QR Code Application
ดาวน์โหลดเลย
OCEAN CLUB APP

บอกข้อมูลสั้นๆ เกี่ยวกับตัวคุณ
เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

I want to search about