คือ แบบประกันที่เน้นการเตรียมพร้อมเพื่อเกษียณอายุ เมื่อถึงวัยเกษียณจะได้รับเงินบำนาญจากแบบประกันทุกๆ ปี นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ (เช่น 55, 60 หรือ 65 ปี แล้วแต่แบบประกัน) ไปจนถึงอายุ 85 หรือ 90 ปี ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยประกันบำนาญ จะแตกต่างจากประกันชีวิตประเภทอื่น ๆ หลายด้าน เช่น
ช่วงเวลาคุ้มครอง : ประกันบำนาญจะให้ความคุ้มครองยาว ๆ จนผู้เอาประกันภัยมีอายุถึง 85 หรือ 90 ปี หรือตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ในขณะที่ประกันชีวิตมีความคุ้มครองตั้งแต่ระยะสั้น ๆ 5 ปี ไปจนถึง 10, 20, 30 หรือ 90 ปี
โดยทั่วไป บริษัทประกันชีวิตจะกำหนดอายุรับประกันภัยไว้ตั้งแต่ 20 ถึง 50 หรือ 55 ปี ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ดังนั้น สามารถทำประกันได้ตามช่วงอายุดังกล่าว แต่หากคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสมดุล ช่วงอายุประมาณ 40–45 ปีจะเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นช่วงที่รายได้ค่อนข้างมั่นคง มีภาระทางการเงินลดลงจากช่วงวัย 30 และยังมีเวลาอีกหลายปีในการสะสมเงินออมก่อนเกษียณ โดยที่เบี้ยประกันภัยไม่สูงมากจนเกินไป
ผลตอบแทนของ RMF >> ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาด เนื่องจากกองทุน RMF จะนำเงินของผู้ซื้อไปลงทุนต่อกับสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ จึงอาจมีโอกาสทั้งขาดทุนและได้รับผลตอบแทน
ผลประโยชน์ของประกันบำนาญ >> จะมีความมั่นคงแน่นอนกว่า RMF เพราะเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด เช่น อายุ 55 60 หรือ 65 ปี แล้วแต่แบบประกัน บริษัทจะจ่ายบำนาญให้กับผู้เอาประกันภัยเป็นงวด ๆ ไปจนถึงอายุ 85 หรือ 90 ปี เป็นจำนวนที่แน่นอน ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต อีกทั้งในช่วงก่อนรับเงินบำนาญยังมีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตอีกด้วย
แต่ละแบบประกัน จะกำหนดไว้แตกต่างกัน เช่น
ประกันบำนาญ รีไทร์ เรดดี้ 85/5 จะเริ่มจ่ายเงินบำนาญ เมื่อผู้เอาประกันภัยอายุ 60 ปี
คำนวณเบี้ยประกันภัย และจำนวนเงินบำนาญ คลิก
ประกันบำนาญ เซฟเกษียณ มีบำนาญ 85/55 จะเริ่มจ่ายเงินบำนาญ เมื่อผู้เอาประกันภัยอายุ 55 ปี
คำนวณเบี้ยประกันภัย และจำนวนเงินบำนาญ คลิก
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเบี้ยประกันภัย สำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญของผู้มีเงินได้ ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ตามข้อ 2(61) วรรคสอง ของกฏกระทรวงฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีฯ ภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 261) แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฏหมายว่าโดยโรงเรียนเอกชน แล้วแต่กรณี หรือเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฏหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ตามกฏหมายว่าด้วยกองทุนการออมแห่งชาติต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในปีภาษีเดียวกัน ตามข้อ 2(61) วรรคสองและวรรคสาม ของกฏกระทรวงฉับที่ 126 (พ.ศ.2509) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฏกระทรวง ฉบับที่ 279 (พ.ศ.2554)
บริการใหม่จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร
โปรแกรมคำนวณภาษี สำหรับมนุษย์เงินเดือน แค่แชทกับโอชิก็คำนวณภาษีได้
