ปวดหัวธรรมดาหรือเป็นไมเกรน? หรือคุณกำลังเป็นไมเกรนแบบไม่รู้ตัว?
Health at Work สุขภาพดีมีคำตอบ
ปวดไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย และเป็นหนึ่งในโรคที่ถูกวินิจฉัยมากที่สุดในโลก จากการศึกษาพบว่า ความชุกของไมเกรนอยู่ที่ 7 - 12% ในประชากรทั่วไป และพบว่า มักพบได้บ่อยในเพศหญิงอายุประมาณ 20 - 40 ปี โดยไมเกรนเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก
ลักษณะอาการปวดไมเกรน
โดยทั่วไปแบ่งได้ เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่
- ไมเกรนแบบมีอาการนำ (Migraine With Aura หรือ Classic Migraine) อาการนำที่อาจเกิด ได้แก่ การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นแสงระยิบระยับ ภาพมืดหายชั่วครู่ อาการชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การพูดติดขัดหรือนึกคำพูดไม่ออก อาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราวประมาณ 5 - 20 นาทีก่อนมีอาการปวดศีรษะ
- ไมเกรนแบบไม่มีอาการนำ (Migraine Without Aura หรือ Common Migraine) พบได้บ่อยที่สุด อาการปวดหัวจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีอาการนำ
ลักษณะอาการปวดไมเกรน ได้แก่
- อาการปวดหัวมีระยะเวลาประมาณ 4 - 72 ชั่วโมง (โดยยังไม่ได้รักษา หรือรักษาแล้วไม่ได้ผล)
- อาการปวดมีลักษณะปวดข้างเดียว ลักษณะอาการปวดตุบ ๆ มีระดับอาการปวดปานกลางถึงปวดมากถูกกระตุ้นโดยกิจวัตรประจำวัน
- อาการปวดเป็นมากจนทำให้ต้องเลี่ยงการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดิน การขึ้นบันได ระหว่างมีอาการปวดศีรษะ จะมีอาการร่วมคือ คลื่นไส้/อาเจียน หรือแพ้เสียง/แพ้แสง
สาเหตุของอาการปวดไมเกรน
ยังไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวของสารเคมี เส้นประสาท และหลอดเลือดในสมอง นอกจากนี้ ยังสันนิษฐานว่า กรรมพันธุ์อาจมีผลต่อการมีอาการปวดไมเกรนได้
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดไมเกรนจากปัจจัยกระตุ้น เช่น
- การมีรอบเดือน
- ความเครียด
- ความเหน็ดเหนื่อย
- อาหารบางชนิด ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไวน์แดง เนยแข็ง เนื้อแปรรูป ผลิตภัณฑ์นม ช็อกโกแลต และเครื่องปรุงอาหาร เช่น ผงชูรสและน้ำตาลเทียม ซึ่งในแต่ละคน อาหารที่กระตุ้นอาการปวดศีรษะอาจไม่เหมือนกัน หากสงสัยว่ามีอาหารที่กระตุ้นอาการปวด ให้ทำการสังเกตและจดบันทึก ลองนึกทบทวนว่าได้รับประทานอาหารอะไรไปใน 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา หากสงสัยว่าได้รับประทานอาหารที่อาจกระตุ้นการปวดได้ แนะนำให้ลองหยุดอาหารชนิดนั้น 1 - 2 สัปดาห์ แล้วลองรับประทานอีกครั้ง
วินิจฉัยอย่างไร?
ปวดไมเกรน เป็นโรคที่วินิจฉัยได้โดยการซักประวัติ และตรวจร่างกาย ซึ่งประวัติที่ซักจะเน้นเรื่องของลักษณะอาการปวดศีรษะ ระยะเวลา และอาการอื่น ๆ ที่เกิดร่วมกับอาการปวด แต่หากอาการปวดศีรษะรุนแรงมาก หรือมีสัญญาณของอาการปวดศีรษะรุนแรง อาจจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เป็นต้น
อาการปวดที่ถือว่า เป็นสัญญาณของอาการปวดที่รุนแรง อาจเรียกได้ว่าเป็นอาการ "ธงแดง" (Red Flag Sign) ที่บ่งบอกว่าน่าจะมีสาเหตุที่อันตราย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุอย่างใกล้ชิด ได้แก่
- อาการปวดแบบฉับพลัน เช่น มีอาการปวดแปลบรุนแรงทันที
- อาการปวดเริ่มเป็นตอนอายุตั้งแต่ 50 ปี เนื่องจากอาการปวดไมเกรนมักเกิดกับผู้ที่มีอายุในช่วงวัยกลางคน หากเริ่มเป็นตอนอายุมาก อาจจำเป็นต้องหาสาเหตุของอาการปวดอื่น ๆ
- อาการปวดเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างกับอาการปวดไมเกรนที่มักจะเป็น ๆ หาย ๆ
- มีอาการทางระบบประสาท เช่น อาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีก
- การมองเห็นแย่ลง เช่น ภาพหาย ภาพเบลอ หรือภาพซ้อนซึ่งไม่หายไปเอง ลักษณะอาการนี้อาจบ่งบอกถึงภาวะจอประสาทตาบวมซึ่งเกิดจากแรงดันในกระโหลกศีรษะเพิ่ม
- มีอาการทางระบบอื่น ๆ ของร่างกายร่วม เช่น มีไข้ มีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน หรือมีโรคร่วมที่เกี่ยวกับระบบประสาท หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลาไอ จาม เบ่ง
- อาการปวดเริ่มในช่วงที่มีการตั้งครรภ์
วิธีการรักษา
- Paracetamol (500 mg) รับประทานครั้งละ 1 เม็ดเวลามีอาการปวดทุก 4 - 6 ชั่วโมง
- Ibuprofen (400 mg) รับประทานครั้งละ 1 เม็ดเวลามีอาการปวดทุก 8 ชั่วโมง
- Domperidone (10 mg) ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น
- Ergotamine Tartrate (1mg) + Caffeine (100mg) รักษาอาการปวดไมเกรน รับประทาน 1 เม็ดทันทีเมื่อมีอาการ หากมีอาการสามารถรับประทานซ้ำได้ทุก 30 นาที แต่สูงสุดไม่เกิน 6 เม็ดต่อวัน และไม่เกิน 10 เม็ดต่อสัปดาห์ (ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้มีปัญหาโรคหัวใจ)
- Flunarizine (5mg) ยาป้องกันการเกิดไมเกรน รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวหากมีอาการปวดไมเกรน
- ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดไมเกรน ได้แก่ การนอนไม่พอ การอดนอน ความเครียด อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเล่นกีฬา การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การอยู่ในที่ที่มีแสงจ้าหรือสถานที่ที่มีเสียงดัง เสียงอึกทึก อาหารบางชนิดที่กระตุ้นอาการปวด
- หากมีอาการ ให้นอนพักในที่มืดและเงียบสงบ รับประทานยาลดอาการปวด
- ประคบเย็นบริเวณศีรษะหากมีอาการปวดมาก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
"หากมีอาการปวดศีรษะ สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ที่ Line: @healthatwork ได้ตลอด
คุยได้ทันที ส่งยารวดเร็ว ไม่ต้องสำรองจ่าย*"หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ OCEAN LIFE TELEMED Health at Work
แต่หากมีอาการปวดรุนแรงหรือมีสัญญาณของอาการปวดที่รุนแรง (อาการ "ธงแดง") แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจกับแพทย์ทันที
ข้อควรทราบ
*สำหรับลูกค้าประกันชีวิตกลุ่มที่กรมธรรม์มีความคุ้มครอง OPD หรือลูกค้ารายเดี่ยวที่กรมธรรม์มีความคุ้มครอง OPD และกรมธรรม์มีผลบังคับมาแล้วไม่น้อยกว่า 120 วัน
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- ค่าปรึกษาแพทย์และค่ายา จะถูกหักออกจากผลประโยชน์ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หากค่าปรึกษาแพทย์และค่ายาเกินวงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครองในกรมธรรม์ ลูกค้าจะต้องชำระค่าบริการส่วนต่างด้วยตนเอง หรือ เลือกไม่รับยาบางตัวเพื่อให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในวงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครองในกรมธรรม์
- สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์กับบริษัท แต่ไม่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) สามารถใช้บริการ Health at Work ได้ โดยลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการด้วยตนเอง
- บริการ Health at Work ไม่สามารถให้บริการได้ในกรณีที่ ผู้ใช้บริการมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง/ฉุกเฉิน ที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน หรืออาการเจ็บป่วยที่ต้องไปรับการวินิจฉัยร่างกายโดยละเอียด
- การใช้บริการ Health at Work เป็นการใช้บริการบนแพลตฟอร์มที่ให้บริการโดย เฮลท์ แอท โฮม เมดิคอล คลินิกเวชกรรม ภายใต้บริษัทเฮลท์ แอท โฮม จำกัด โดยลูกค้าต้องเป็นผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลส่วนตัวด้วยตนเอง
- ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด เงื่อนไข รายละเอียด หรือยกเลิก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า