ข้าวเหนียวมะม่วง กินอย่างไร ไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ
ข้าวเหนียวมะม่วง อาหารหวานที่เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในฤดูร้อน ด้วยรสชาติที่หอม มัน ของข้าวเหนียวมูนและมะม่วงหวาน ๆ เพิ่มความอร่อยด้วยน้ำกะทิ นำไปราดคลุกเคล้าก่อนรับประทาน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่กังวลว่ากินข้าวเหนียวมะม่วงแล้วจะอ้วน ไขมันเยอะ และจะต้องกินอย่างไรเพื่อที่จะไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ วันนี้เรามีประโยชน์ และเคล็ดลับการกินข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อสุขภาพมาฝาก
ข้าวเหนียวมะม่วง คือการนำข้าวเหนียวมามูลกับกะทิ จึงทำให้ขนมชนิดนี้จะเป็นขนมที่ให้พลังงานสูง สามารถรับประทานแทนข้าวได้ โดยประโยชน์ของข้าวเหนียวที่ให้พลังงานมากกว่าข้าวสวยปกติ มีสารอาหารที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของข้าวเหนียว
- ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง
- ช่วยบำรุงเลือดลม ช่วยขับลมในร่างกาย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนกระจ่างใสขึ้น
- มีฤทธิ์อุ่น ข่วยในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายจากอากาศที่หนาวเย็นได้ดีเยี่ยม
- ช่วยชะลอความแก่ก่อนวัย ช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายไม่เสื่อมถอยไปก่อนเวลาอันควร
- ธาตุเหล็กกับกรดโฟลิกในข้าวเหนียว ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดมีความสมบูรณ์
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาสมดุล และให้ความชุ่มชื้นภายในกระเพาะอาหาร
- ข้าวเหนียวมีโปรตีนเช่นเดียวกับข้าวเจ้า ซึ่งช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
- ช่วยคลายเครียด ช่วยทำให้จิตใจสงบ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และช่วยให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในระหว่างวันได้อย่างสดใสร่าเริง
- ในข้าวเหนียวมีวิตามินอี ที่ช่วยในการบำรุงการทำงานของระบบประสาทกับสมอง และช่วยในการป้องกันปัญหาวุ้นนัยน์ตาเสื่อมกับช่วยในการป้องกันอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ
ประโยชน์ของกะทิ
- ช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะเมื่อบริโภคแล้วจะถูกเผาผลาญให้เป็นพลังงานในตับโดยไม่ไปสะสมเป็นไขมัน
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันจุลินทรีย์ และต้านเชื้อรา
- เป็นทางเลือกสำหรับผู้แพ้แลคโตสหรือแพ้นมจากสัตว์
ประโยชน์ของมะม่วง
มะม่วงเป็นผลไม้รสหวานปนเปรี้ยว ที่มีวิตามินหลายชนิด ให้ไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณเนื่องจากมะม่วงมีวิตามินเอ และวิตามินซีสูง
- บำรุงสายตา
- ป้องกัน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ไฟเบอร์สูง
เคล็ดลับการกินข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อสุขภาพ
- กินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว เช่น กินมะม่วงสุกครึ่งลูก (ขนาดกลาง) จะได้พลังงานประมาณ 70 กิโลแคลอรี ส่วนข้าวเหนียวมูนให้กิน 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะให้พลังงาน 280 กิโลแคลอรี เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับ 350 กิโลแคลอรี
- กินข้าวเหนียวมะม่วงช่วงเวลากลางวัน เพราะกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องใช้พลังงานทำกิจกรรมต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อเย็น เนื่องจากมีกิจกรรมที่ต้องทำน้อยกว่าช่วงกลางวัน พลังงานที่ได้รับเข้าไปอาจเผาผลาญ และนำไปใช้ไม่หมด เกิดเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้
- ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องระมัดระวัง เพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารที่มีทั้งน้ำตาล และไขมันปริมาณที่ค่อนข้างสูง จึงแนะนำให้กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และควรลดปริมาณข้าวเหนียวลงให้เหลือสักครึ่งขีดกรณีที่ต้องการกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์
- คนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว อาจจะกินข้าวเหนียวมะม่วงได้มากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ต้องไม่ลืมว่าข้าวเหนียวมะม่วงให้พลังงานเทียบเท่ากับการกินอาหารมื้อหลัก 1 มื้อเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานที่กินเข้าไป
- เลือกกินข้าวเหนียวดำ (ถ้าเป็นไปได้) หรือข้าวเหนียวที่มูนด้วยน้ำกะทิที่ผสมสีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัน แครอต ขมิ้น และใบเตย เพราะจะได้รับสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าการกินข้าวเหนียวขาว
- กินมะม่วงแก่จัด เพื่อให้ได้รสชาติดีและสารอาหารจากมะม่วงครบถ้วน ควรซื้อมะม่วงที่แก่จัด และควรปล่อยให้สุกตามธรรมชาติ เนื่องจากมะม่วงที่บ่มแก๊สจะให้กลิ่นและรสที่ไม่ดีเท่ากับมะม่วงสุกตามธรรมชาติ วิธีการสังเกตคือ มะม่วงที่แก่จัดนั้นผลจะอวบ ด้านล่างของมะม่วงจะไม่แหลม ส่วนมะม่วงที่เก็บมาตอนไม่แก่จัด แล้วนำมาบ่มแก๊สผิวจะเหี่ยว
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง ควรกินมะม่วงสุกแต่น้อย กินครั้งละไม่เกิน 1 ผล ขนาดกลาง และใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 ครั้ง ส่วนผู้ป่วยโรคไตควรงดกินมะม่วงสุกเพราะมีปริมาณโพแทสเซียมสูง
แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทานขนมหวานก็มีข้อควรระวัง ดังนั้นเราควรรับประทานข้าวเหนียวมะม่วงแต่พอดี ออกกำลังกายผ่าน OCEAN CLUB APPLICATION เดิน วิ่ง ปั่น รับเหรียญ OCHI COIN แลกรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และดูแลร่างกายเตรียมความพร้อมสำหรับสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ จาก OCEAN LIFE ไทย
OCEAN LIFE ขอแนะนำแบบประกัน โอเชี่ยนไลฟ์ เอ็นจอย เฮลท์
สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองแบบเหมาจ่าย
ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลชั้นนำ
สบายใจ ไม่ต้องสำรองจ่าย**ให้คุณมีความสุขทุกช่วงชีวิต
- คุ้มครองแบบเหมาจ่าย สูงสุด 5 ล้านบาทต่อครั้ง*
- หมดกังวลค่าที่ห้องปรับเพิ่มในอนาคต เพราะค่าห้องจ่ายตามจริง (ไม่เกินค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน)
- คุ้มครองครอบคลุม ทั้งโรคระบาด โรคทั่วไป และโรคร้ายแรง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก จากอุบัติเหตุสูงสุด 40,000 บาทต่อครั้ง*
- ไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือคลินิกในเครือข่ายทั่วประเทศ**
- เบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี
ข้อควรทราบ :
* กรณีเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน สำหรับแผน 5,000,000
** โรงพยาบาล หรือคลินิกเครือข่ายเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- โอเชี่ยนไลฟ์ เอ็นจอย เฮลท์ เป็นชื่อทางการตลาดของ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่าย (H&S Lump Sum)
- สัญญาเพิ่มเติมนี้มีระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี ผู้เอาประกันภัยอาจขอต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมได้ภายใต้เงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติม ทั้งนี้ สำหรับปีต่ออายุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเบี้ยประกันภัย หรือให้ผู้เอาประกันภัยมีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ขึ้นอยู่กับอายุ อาชีพ การเรียกร้องค่าสินไหม ของผู้เอาประกันภัยรวมถึงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน หมายถึง ห้องพักเดี่ยวราคาเริ่มต้นของโรงพยาบาล
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
ข้อมูลจาก
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
- www.mgronline.com