จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันที่ระบาดไปทั่วประเทศ ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ทั้งผู้ที่มีอาการหนัก อาการไม่รุนแรง ไม่แสดงอาการ จึงทำให้เกิดปัญหาโรงพยายาบาลไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย และเพื่อการรักษา รับรอง และควบคุมโรค จึงได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม (Field hospital) และฮอสพิเทล (Hospitel) โดยทั้ง 2 สถานที่มีความแตกต่างกัน แต่ได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลในการดูแลรักษา
โรงพยาบาลสนาม (Field hospital) ต่างจาก ฮอสพิเทล (Hospitel) อย่างไร
โรงพยาบาลสนาม (Field hospital)
สถานที่สำหรับรับรองผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา เป็นการเตรียมความพร้อมของระบบบริการและควบคุมป้องกันการติดเชื้อในการดูแลผู้ป่วยที่มีจำนวนมากเกินขีดความสามารถที่โรงพยาบาลจะรับได้ โรงพยาบาลสนามเป็นสถานที่พักรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วเท่านั้น ไม่มีการตรวจคัดกรองโรค การตรวจคัดกรองโรคจะต้องตรวจที่สถานพยาบาลทั่วไป และเป็นผู้ป่วยไม่มีอาการหรือแสดงอาการน้อยที่ส่งตัวมาจากสถานพยาบาลทั่วไป ไม่สามารถขอเข้าพักเองได้
เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วย
- เป็นผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ มีอาการไม่รุนแรง ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลมาแล้วอย่างน้อย 7 วัน
- มาพักเพื่อรับประทานยาให้ครบ ได้รับการฟื้นฟูด้านร่างกายและจิตใจ
- มาพักเพื่อกักตัวต่อให้ครบ 14 วัน ก่อนส่งกลับสู่ชุมชนอย่างมั่นใจว่าผู้ป่วยหายแล้ว 100%
ฮอสพิเทล (Hospitel)
หรือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ คำว่า Hospitel นั้น มาจากการผสมระหว่างคำ 2 คำ คือคำว่า Hospital ที่แปลว่า โรงพยาบาล และคำว่า Hotel ที่แปลว่า โรงแรม มีจุดประสงค์เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการเพียงเล็กน้อย แต่อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลแม่ข่ายที่เข้ารับการรักษา อาจจะเป็นหอพัก หรือโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่สามารถจัดตั้งขึ้นมาเองโดยไม่มีการขออนุญาต จะต้องได้รับการตรวจสอบลงทะเบียนตามแนวทางของกรมการแพทย์
ลักษณะของฮอสพิเทล มีดังนี้
1. อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลแม่ข่ายที่เข้ารับการรักษา โดยเป็นผู้ป่วยใหม่ หรือผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นแล้วย้ายมา (Step Down) อาจเป็นหอพัก หรือโรงแรม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
2. อาคารของฮอสพิเทล ต้องได้รับการตรวจสอบลงทะเบียนตามแนวทางของกรมการแพทย์ โดยต้องเป็นอาคารที่มีโครงสร้างที่เหมาะสม และมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คอยสนับสนุนอย่างถูกหลักป้องกันโรคระบาด พร้อมทั้งมีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลแก่เจ้าหน้าที่ด้วย ผู้ป่วยต้องเข้ารับการสังเกตอาการด้วยการเอกซเรย์ปอดก่อน แล้วมีห้องปฏิบัติการตรวจพื้นฐาน (CBC) เพื่อรายงานผลสู่โรงพยาบาลแม่ข่าย
3. ผู้เข้ารับการรักษาได้รับการติดตามผลสัญญาณชีพ และ Oxygen set เป็นระยะ อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง
4. หากมีอาการผิดปกติ แพทย์เป็นผู้พิจารณาย้ายโรงพยาบาลในเครือข่ายเพื่อการรักษาที่เหมาะสม
ข้อปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยโควิด-19 ต้องเข้าพักในโรงพยาบาลสนาม และฮอสพิเทล
- จัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวมาเอง เช่น ช้อนส้อม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว ยาประจำตัว และชุดเสื้อผ้าตามความเหมาะสม (บางโรงพยาบาลสนาม อาจมีการเตรียมชุดให้)
- สิ่งที่ห้ามนำเข้ามาในที่พัก เช่น อุปกรณ์การเล่นการพนัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ สารเสพติด อาวุธ และของมีคม
- ห้ามนำเครื่องดื่มและอาหารทุกชนิดเข้ามาในที่พัก โรงพยาบาลสนามมีการเตรียมอาหารที่เพียงพอให้ครบทั้ง 3 มื้อ การส่งอาหารจากภายนอก ขึ้นกับข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละโรงพยาบาล
- ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวมาด้วย
- ให้พักในอาคารตลอดเวลา และไม่ให้ออกจากที่พักยกเว้นในบริเวณที่มีการกำหนดไว้ให้
- ห้ามย้าย สลับ หรือแลกเตียง
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อพักฟื้นร่างกาย
- สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
- อาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่ทุกวัน
- ทิ้งขยะในถังขยะที่จัดวางไว้และปิดฝาทุกครั้ง
- งดการรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงการพูดคุยระยะใกล้ชิด หรือการจับกลุ่มทำกิจกรรม
- ร่วมกันรักษาความสะอาด และทำความสะอาดบริเวณที่พัก
- เมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลงจากเดิม เช่น มีไข้สูง ไอมากขึ้น เหนื่อยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทันที
อย่างไรก็ดี ทั้งโรงพยาบาลสนาม และฮอสพิเทล (Hospitel) จะรับผู้ป่วยจากทางโรงพยาบาลเป็นผู้ส่งตัวมา ทางผู้ป่วยเองไม่สามารถระบุเจาะจงเพื่อเข้ารับการรักษากับสถานที่ดังกล่าวได้โดยตรง ดังนั้นแล้วหากประชาชนมีความเสี่ยง ต้องเข้ารับการประเมินที่เหมาะสมกับสถานพยาบาลเสียก่อน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการหาเตียงโควิด-19 โทร 1669 และ 1330 ได้ 24 ชั่วโมง หรือ 1668 ในเวลา 08.00 - 22.00 น.
รายชื่อ Hospitel ที่สามารถเคลมประกันสุขภาพกับ OCAEN LIFE ไทยสมุทรกรณีเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน : คลิก
ที่มา:
ศูนย์ข้อมูลโควิด 19, chulalongkornhospital, bangkokbiznews, thairath