ปัจจุบันด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและมลภาวะ ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น สังเกตได้ว่าเราป่วยบ่อย ติดเชื้อง่าย และหายช้ากว่าในอดีต โดยเฉพาะโรคในกลุ่มทางเดินหายใจอย่าง ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ ทอนชิลอักเสบ หรือโควิด-19 ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว
เมื่อมีอาการป่วยหลายคนมักจะปล่อยไว้ หรือหาซื้อยาทานเองเพราะไม่สะดวก ไม่มีเวลาไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ไม่ตรงกับสาเหตุการป่วยที่แท้จริงเพราะไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ รับประทานยาแล้วไม่หาย และอาจทำให้ดื้อยา หรือถึงขั้นแพ้ยาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังอย่างใกล้ชิด เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีประโรคประจำตัว ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วนเมื่อมีอาการป่วย
รับมืออย่างไรเมื่อเป็นไข้หวัด และโควิด-19
วิธีการรับมืออย่างแรกเมื่อเรารู้สึกไม่สบาย มีอาการคล้ายไข้หวัดหรือโควิด-19 คือควรตรวจการติดเชื้อไวรัสด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งปัจจุบันมีชุดตรวจหลายรูปแบบให้เลือกซื้อ เช่น ชุดตรวจไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A และ B + COVID 19 + RSV ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทดสอบการติดเชื้อได้ครอบคลุมมากขึ้นในครั้งเดียว เมื่อทราบชนิดของไวรัสที่เราติดเชื้อแล้ว ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่หนักมาก สามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปฯ BeDee และรับยาได้เลยที่บ้าน สะดวก ไม่ต้องเดินทาง
อาการไข้หวัดและโควิด-19 ที่พบได้บ่อย
- มีน้ำมูก คัดจมูก หายใจไม่สะดวก
- ไอ เริ่มจากไอแห้ง และไอมีเสมหะในภายหลัง
- จามติดต่อกันหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้าหรืออากาศเย็น
- เจ็บคอ คันหรือระคายเคืองในลำคอ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- อ่อนเพลีย รู้สึกล้า ไม่มีแรง
- มีไข้ต่ำ ๆ
- น้ำตาไหล ตาแดง
- สูญเสียการรับรส หรือกลิ่น มักพบในโรคโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัดและโควิด-19
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- จิบน้ำเปล่า เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวจากไข้ และบรรเทาอาการตัวร้อน ทำให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- แยกของใช้ส่วนตัวที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคออกจากของใช้ส่วนรวม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่น
- รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่น
- หากมีความจำเป็นต้องใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือออกไปข้างนอก ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเมื่อติดเชื้อไข้หวัดและโควิด-19
- ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
- เด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กทารก เสี่ยงชักจากไข้สูง หลอดลมหรือปอดอักเสบ
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ
- ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง หอบหืด ถุงลมโป่งพอง (COPD)
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้รับเคมีบำบัด ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้รับยากดภูมิ
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน
8 ขั้นตอนปรึกษาแพทย์ผ่านแอปฯ BeDee ไม่ต้องสำรองจ่าย*
- ดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแอปฯ BeDee คลิก https://bit.ly/3FMFVeG
- ยืนยันตัวตน โดยถ่ายภาพหน้าตรง ภาพบัตรประชาชน และกรอกข้อมูล
- เชื่อมสิทธิ์ประกัน โดยเลือกเมนู “สิทธิ์ประกัน” แล้วกด “เช็กสิทธิ์ประกัน” จากนั้นเลือก “Ocean Life ไทยสมุทร”
- ค้นหาแพทย์และเลือกปรึกษาตามอาการ โดยกดที่ “ปรึกษาแพทย์/ที่ปรึกษาสุขภาพ”
- เลือกแพทย์ที่มีโลโก้ “Ocean Life ไทยสมุทร”
- เลือกปรึกษาทันที หรือทำนัดหมายล่วงหน้าตามเวลาที่สะดวก
- ในขั้นตอนชำระเงิน เลือก “การชำระเงิน/สิทธิพิเศษ” แล้วเลือก “ใช้สิทธิ์ประกัน”
- รับคำปรึกษากับแพทย์ โดยให้เข้าห้องสนทนาในแอปฯ เพื่อรับคำปรึกษาเมื่อถึงเวลานัดหมาย แล้วรอรับยาที่บ้านได้เลย สามารถดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ได้ในแอปฯ
โรคไข้หวัดและโควิด-19 สามารถรักษาหายได้ด้วยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันกลับมาแข็งแรง โดยทั่วไปผู้ป่วยมักอาการดีขึ้นภายใน 5-7 วัน สิ่งสำคัญคือการรีบปรึกษาแพทย์อย่างรวดเร็วก่อนที่อาการจะทรุดหนัก
สอบถามรายละเอียดการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ Line Official : @BeDeebyBDMS
หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/services/digital-healthcare/telemedxbedee
ข้อควรทราบ
*สำหรับลูกค้าประกันชีวิตกลุ่มที่กรมธรรม์มีความคุ้มครอง OPD หรือลูกค้ารายเดี่ยวที่กรมธรรม์มีความคุ้มครอง OPD และกรมธรรม์มีผลบังคับมาแล้วไม่น้อยกว่า 120 วัน
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- ค่าปรึกษาแพทย์และค่ายา จะถูกหักออกจากผลประโยชน์ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หากค่าปรึกษาแพทย์และค่ายาเกินวงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครองในกรมธรรม์ ลูกค้าจะต้องชำระค่าบริการส่วนต่างด้วยตนเอง หรือ เลือกไม่รับยาบางตัวเพื่อให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในวงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครองในกรมธรรม์
- สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์กับบริษัท แต่ไม่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) สามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน BeDee ได้ โดยลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการด้วยตนเอง
- แอปพลิเคชัน BeDee ไม่สามารถให้บริการได้ในกรณีที่ ผู้ใช้บริการมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง/ฉุกเฉิน ที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน หรืออาการเจ็บป่วยที่ต้องไปรับการวินิจฉัยร่างกายโดยละเอียด
- การใช้บริการแอปพลิเคชัน BeDee เป็นการใช้บริการบนแพลตฟอร์มที่ให้บริการโดยบริษัท เฮลท์ พลาซ่า จำกัด โดยลูกค้าต้องเป็นผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลส่วนตัวด้วยตนเอง
- ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด เงื่อนไข รายละเอียด หรือยกเลิก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า